มาทำความรู้จักกับเลือดจระเข้กันเถอะ
จระเข้เป็นสัตว์สมุนไพรที่ชาวเอเชียส่วนใหญ่นิยมบริโภค โดยเฉพาะ ในประเทศจีน ฮ่องกง และไต้หวัน เพื่อบำรุงร่างกาย เพิ่มภูมิคุ้มกัน ลดการเกิดภูมิแพ้และอาหารหอบเหนื่อย เลือดจระเข้อุดมไปด้วยโปรตีน วิตามิน ธาตุเหล็กและแร่ธาตุต่างๆ ที่มี ประโยชน์ต่อร่างกาย เหมาะสำหรับผู้ป่วยและบุคคลทั่วไป
กระบวนการผลิตเลือดจระเข้เป็นเช่นไร ?
เลือดจระเข้ที่ผ่านกระบวนการผลิตอย่างถูกต้องจะมีความปลอดภัยในการรับประทานและมีคุณค่าทางสารอาหาร
ครบถ้วนซึ่งมีกรรมวิธีการผลิตดังนี้
- คัดเลือกจระเข้ที่มีสุขภาพดี แข็งแรง จากฟาร์มเพาะเลี้ยงที่ได้รับการอนุญาตจาก กรมประมง อายุอย่างน้อย 3 ปี ขนาดความยาวไม่น้อยกว่า 1.50 เมตร
- เจาะเก็บเลือดจระเข้ปริมาณมาก ทำความสะอาดบริเวณที่เจาะด้วย 70% แอลกอฮอล เจาะเก็บเลือดโดยใช้อุปกรณ์และภาชนะที่ผ่านขั้นตอนการฆ่าเชื้อโรค และภาชนะเก็บเลือดมีลักษณะปิด เพื่อให้ได้เลือดปริมาณมากที่สะอาด ปราศจากการปนเปื้อนของแบคทีเรีย
- นำเลือดจระเข้ที่ได้มาทำการฆ่าเชื้อ ด้วยวิธี Pasturization ที่ 60oC 30 นาที
- นำเลือดจระเข้มาทำระเหิดแห้งโดยใช้ Freeze-der or lyophilizer เพื่อคงคุณภาพขององค์ประกอบโปรตีนที่สำคัญในเลือดจระเข้
- นำเลือดจระเข้ระเหิดแห้ง มาบดให้ละเอียด โดยใช้โถบดสแตนเลส ที่ผ่านการฆ่าเชื้อ และบรรจุในแคปซูล ภายในตู้ควบคุมการปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรีย
- บรรจุใส่ชวดสีชาเพื่อคงคุณภาพ จากแสงและความร้อน
- ตรวจสอบคุณภาพ โดยหาค่าเฉลี่ยน้ำหนักเลือดแห้งต่อแคปซูล ปริมาณแบคทีเรียที่ปนเปื้อน
แล้วความปลอดภัยในเลือดจระเข้ละ
การศึกษาความปลอดภัยจากการบริโภคเลือดจระเข้ในรูปของเลือดสดและเลือดแห้งในหนูแรทพันธุ์วิสตาร์5กลุ่มต่อเพศ โดยให้บริโภคเลือดจระเข้ทุกวันและสัปดาห์ละครั้งเป็นระยะเวลา7สัปดาห์ผลการศึกษาพบว่าหนูกลุ่มทดลองที่บริโภคเลือดจระเข้
มีพฤติกรรมปกติและไม่มี การตายเกิดขึ้น จากการเจาะเก็บเลือดจากหางหนูหลังจากบริโภคเลือดจระเข้เป็น เวลา 0 12 และ 24 สัปดาห์ เพื่อตรวจสอบทางโลหิตไม่พบความแตกต่างระหว่างหนูกลุ่มทดลองและหนูกลุ่มควบคุม และ จากการตรวจสอบทางโลหิต ค่าทางเคมีคลินิก ได้แก่ alkaline phosphatase (ALP), aspartate transaminase (AST), alanine transaminase (ALT), น้ำตาลในเลือด(bloodglucose),ยูเรียในเลือด(bloodureanitrogen,BUN)และอัลบูมิน(albumin)ก็ไม่พบความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ
ทางสถิติระหว่างหนูกลุ่มทดลองและหนูกลุ่มควบคุม (p> 0.05) และผลทางจุลพยาธิวิทยาของอวัยวะภายในต่างๆ ก็ไม่พบความผิดปกติ ผลการศึกษาแสดงให้เห็นถึงความปลอดภัยในการบริโภคเลือดจระเข้เป็นอาหารเสริม
การนำเลือดจระเข้ไปใช้ประโยชน์
เลือดจระเข้อุดมไปด้วยโปรตีน วิตามิน ธาตุเหล็ก และแร่ธาตุอื่นๆ จึงมีประโยชน์ต่อร่างกาย จากการวิจัยพบว่าองค์ประกอบภายในเลือดจระเข้มีความสามารถในการดูแลตัวเองจากการบุกรุกของเชื้อแบคทีเรีย มีฤทธิ์ต่อต้านการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ เลือดจระเข้จึงนิยมนำมาทำเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ใช้ในการบำรุงเลือด ส่งผลให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาทางสุขภาพ เช่น ผู้ที่เป็นโลหิตจาง เม็ดเลือดต่ำ เกล็ดเลือดต่ำ ผู้ที่เป็นมะเร็ง ผู้ที่เป็นเบาหวาน ผู้ที่เป็นภูมิแพ้ หอบหืด ผู้ที่เป็นเอดส์ ภูมิคุ้มกันบกพร่อง สำหรับนักกีฬา และ สำหรับผู้ที่มีบุตรยาก อยากมีลูก เป็นต้น
สรรพคุณของเลือดจระเข้ที่เราอาจไม่เคยรู้มาก่อน
- เลือดจระเข้มีส่วนช่วยเสริมสร้างเม็ดเลือดและเกล็ดเลือด โดยไม่มีผลข้างเคียงไม่สะสมในร่างกาย ซึ่งเมื่อเทียบกับธาตุเหล็กสังเคราะห์
- การรับประทานเลือดจระเข้จะช่วยเพิ่มเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาวและเกล็ดเลือด ฟื้นตัวเร็วขึ้น เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็ง จากการฉายรังสีและการทำเคมีบำบัด ซึ่งมีผลทำให้เม็ดเลือด และเกล็ดเลือดของผู้ป่วยถูกทำลาย
- เลือดจระเข้มีสาร IGF1 ที่มีลักษณะคล้ายอินซูลิน ทำหน้าที่เปลี่ยนน้ำตาลในเลือดเป็นพลังงาน ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง และช่วยให้แผลจากเบาหวานหายเร็วขึ้น
- เลือดจระเข้มีส่วนช่วยในระบบเลือดและการไหลเวียนเลือด ทำให้สามารถนำออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายมากขึ้น บรรเทาอาการหอบ เหนื่อย และช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้ดีขึ้น
- เลือดจระเข้ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันของผู้ป่วย HIV ผู้ป่วยที่ได้รับประทานเลือดจระเข้ค่า CD4 จะสูงขึ้น ไม่ติดเชื้อง่าย ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงขึ้น และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
- ช่วยให้การนำออกซิเจนไปเลี้ยงกล้ามเนื้อได้ดีขึ้น จะทำให้นักกีฬาเหนื่อยยาก มีพละกำลังมากขึ้น โดยไม่ถือเป็นยาโด๊บที่ผิดกฎสากล และเป็นที่นิยมในกลุ่มกีฬาจีน
- เลือดจระเข้มีส่วนช่วยเสริมให้สเปิร์มของผู้ชายแข็งแรงขึ้น และเสริมให้ไข่ของผู้หญิงแข็งแรงขึ้น ทำให้โอกาสที่จะปฏิสนธิมีเพิ่มมากขึ้น
- เลือดจระเข้มีคุณภาพสำหรับทุกเพศทุกวัยสามารถรับประทานได้อย่างต่อเนื่องและจะถูกขับออกตามธรรมชาติหากร่างกายดูดซึมไม่หมด
องค์ประกอบ | ปริมาณในผงเลือดแห้ง | ร่างกายต้องการในแต่ละวัน * |
โปรตีน | 83.1% | 1 กรัม/น้ำหนักตัว 1กก. |
เหล็ก | 164 มิลลิกรัม/100กรัม | ชาย 10.4 มิลลิกรัมหญิง 24.7 มิลลิกรัม |
แคลเซียม | 90 มิลลิกรัม/100กรัม | ไม่เกิน 2,500 มิลลิกรัม |
แมกนีเซียม | 22.5 มิลลิกรัม/100กรัม | 240-320 มิลลิกรัม |
ฟอสฟอรัส | 547 มิลลิกรัม/100กรัม | 700 มิลลิกรัม |
โซเดียม | 1,458 มิลลิกรัม/100กรัม | ชาย 500-1,475 มิลลิกรัม หญิง 400-1,200 มิลลิกรัม |
วิตามิน เอ | 10.61 ไมโครกรัม/100กรัม | 700 ไมโครกรัม |
วิตามิน บี 1 | 0.17 มิลลิกรัม/100กรัม | 0.9 มิลลิกรัม |
วิตามิน บี 2 | 0.23 มิลลิกรัม/100กรัม | 1.3 มิลลิกรัม |
วิตามิน บี 6 | 0.22 มิลลิกรัม/100กรัม | 1.3 มิลลิกรัม |
วิตามิน บี 12 | 0.20 มิลลิกรัม/100กรัม | 2.4 ไมโครกรัม |
ผลที่ได้ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายแต่ของละบุคคล และ การดำเนินชีวิตในประจำวันที่ถูกต้อง